พะโล้บูด – จากกรณีโลกโซเชียลแชร์เหตุการณ์ในโรงเรียนเเห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงการอาหารกลางวันที่มีการนำพะโล้บูดล้างน้ำมาให้นักเรียนกิน โดยสามารถสรุปเหตุการณ์ได้ดังนี้
เรื่องเริ่มต้นขึ้นจาก เพจเฟซบุ๊ก ทีมข่าว “มองเมืองปราจีน” ออกมารายงานว่า
“ไม่คิดว่าที่ปราจีนบุรี จะมีเรื่องโครงการอาหารกลางวันเด็กไร้คุณภาพกับเขาด้วย-สายข่าวรายงานมาว่า มีโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี เรื่องโครงการอาหารกลางวันเด็ก ไข่พะโล้บูด แล้วนำไปล้างน้ำแล้วนำกลับมาต้มให้เด็กกินอีก เรื่องนี้ได้ทราบต่อมาว่าได้มีการร้องเรียนผ่านไปยังศูนย์ดำรงธรรมแล้ว แต่ยังรอขั้นตอนการสอบสวน คาดว่าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดปราจีนบุรี คงมีเรื่องร้องเรียนอยู่เป็นจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ จึงยังไม่ได้สรุปถึงผลการสอบ ว่าจะดำเนินการต่อไปเช่นไร ล่าสุดวันนี้ ข่าวว่าผู้บริหารโรงเรียนดังกล่าวได้มีการข่มขู่ แม่ครัว เด็กนักเรียน แล้วในขณะนี้ว่าห้ามให้ข่าวต่างๆนี้หลุดออกไปจากโรงเรียน”
ต่อมาทราบว่าเหตุการดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงเรียน บ้านคลอง12 หมู่ 6 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีแม่บ้านที่ทำอาหารเป็นแม่บ้านลูกจ้างรายวัน ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ได้ทำไข่พะโล้เตรียมวันเมื่อตอนเย็นวันที่วันที่ 29 กรกฎาคม 2562 สำหรับเป็นมื้ออาหารกลางวัน วันที่ 30 กรกฎาคม 2562
วันรุ่งขึ้นปรากฏว่าไข่พะโล้เป็นฟองเสีย มีกลิ่นบูด จึงได้แจ้งเรื่องให้ทางผอ.โรงเรียนทราบ
แม่บ้านอ้างว่า ผอ.สั่งให้นำพะโล้ดังกล่าวมาล้างน้ำและปรุงใหม่ให้เด็กกิน แม่บ้านยอมทำตามแม้ว่า จะมีลูกและหลานของตนซึ่งเรียนอยู่ในโรงเรียนต้องกินอาหารนั้นด้วย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ปรากฏว่าเมื่อกินไปแล้ว เด็กมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง เมื่อผู้สื่อข่าวไปสัมภาษณ์เด็กนักเรียน ระบุว่า ได้กินอาหารกลางวันเป็นพะโล้บูดจริง นักเรียนชั้นป.4 กล่าวว่า “ไข่พะโล้มีรสชาติเปรี้ยวและกลิ่นเหม็นบูด แต่ก็ต้องกิน ไม่กล้าบอกครูกลัวครูตี หลังจากรับประทานไข่พะโล้ได้ไม่นานก็ท้องเสีย ตนและเพื่อนๆต้องเข้าห้องน้ำหลายรอบ” มีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยังศูนย์ดำรงธรรม แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
เมื่อกลายเป็นข่าวดัง ทางผอ.โรงเรียนออกมาให้สัมภาษณ์โต้ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นการจัดฉากเพื่อต้องการให้โรงเรียนเสียหาย “ตนมีหลักฐานพร้อมชี้แจงท่านนายอำเภอ, ผู้บังคับบัญชา และ คณะกรรมการสถานศึกษา” เมื่อผู้สื่อข่าวไปถามนักเรียนและแม่ครัวอีกครั้งก็ได้รับคำตอบเดิมว่าเป็นเรื่องจริงวันนี้ (5 ส.ค.) จะมีการประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง
“พลเอกประยุทธ์” ยังไม่ฟันธง แรงจูงใจระเบิดป่วนกรุงเทพ ขออย่าโยงที่พรรคเคยหาเสียง
ระเบิดกรุงเทพ – จากกรณีการวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 ส.ค. และระเบิดหลายจุดในวันที่ 2 ส.ค. รวมถึงเหตุไฟไหม้ร้านขายเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ 3 จุดไล่เลี่ยกัน และเหตุลอบวางระเบิดในร้านขายของกลางห้างดัง ทั้งนี้ มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย ซึ่งมีกระแสข่าวว่ายอมรับสารภาพ อ้างว่าทำไปเพราะแค้นกองทัพภาค 4 จากการคุมตัวแนวร่วมไปสอบสวนแล้วเกิดอาการช็อกหมดสติในค่ายทหาร ต่อมาทางรัฐบาลได้ออกมาโต้ว่าการรายงานข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
คืบหน้าล่าสุดวันนี้ (5 ส.ค.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กล่าวถึงการวางระเบิดป่วนกรุงเทพว่า ยังไม่ตัดประเด็นแรงจูงใจใดทิ้ง แม้แต่ความเชื่อมโยงถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนกรณีที่ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปี 2549 เป็นแค่เพียงการเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีต ยังไม่สรุปฟันธงใด ๆ ทั้งสิ้น
ขณะนี้กำลังสืบสวนเพื่อตามจับผู้ร่วมขบวนการอีก 10 กว่าคน อาศัยการบูรณาการด้านการข่าว การดำเนินงาน การพิสูจน์หลักฐาน ได้มีการให้เจ้าหน้าที่ประจำไว้ทุกจุดทุกพื้นที่ และความปลอดภัยเป็นเรื่องของประชาชนทุกคน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการท่องเที่ยวหรือพื้นที่ทางธุรกิจหรือจัดประชุมต่างๆ ถือเป็นหน้าตาของประเทศไม่ว่าใครจะทำก็ตามที่ดำเนินการ ถือว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้
ส่วนประเด็นที่คนมองว่ารัฐบาลสร้างสถานการณ์เอง อย่าไปมองแบบนั้น ตนจะทำทำไม อยู่เฉย ๆ ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่ดีกว่าหรือ อยากให้คิดให้มีตรรกะ การให้ข้อมูลข่าวสารใดก็ตามที่จะทำให้เกิดการเข้าใจผิด หรือทำให้เกิดความไม่พอใจส่วนตัว ก็ขอให้เบาๆกันไว้บ้าง เมื่อถูกถามว่าเหตุการณ์ระเบิดป่วนกรุงจะเกี่ยวข้องกับที่พลเอกประยุทธ์ คุมทั้งตำรวจทหาร หรือไม่ และมีคนโยงกับนโยบายพรรคพลังประชารัฐที่เคยหาเสียงก่อนหน้านี้ว่า “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่” นายกรัฐมนตรีระบุว่าไม่เกี่ยวข้องกัน
วานนี้ (3 ส.ค.) มีโพสต์จากผู้ใช้เฟสบุ๊ก Getar Anunya อายุ 23 ปี เผยคลิปและข้อความว่าถูกชายคนหนึ่ง ขับรถ BMW เฉี่ยวชนแล้วหลบหนี เมื่อขับรถตามเพื่อเจรจา ก็กลับพูดจากลับมาด้วยถ้อยคำกวนประสาทคล้ายคนเมา แถมด้วยประโยคเด็ด “ผมคนดัง ไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว” ในภายหลังมีการสืบทราบว่าชายขับ BMW รายนี้ เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ด้านวิศวกรรมเครื่องกลแห่งหนึ่ง
เหตุดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นช่วงกลางดึก บริเวณถนนเกษตร-นวมินทร์ โดยชายรายนี้ยอมรับกับคู่กรณีว่าเมาแล้วขับจริง แต่ไม่ยอมเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ และขณะที่ผู้โพสต์กำลังโทรแจ้งประกันมาเคลียร์นั้น ชายรายนี้ก็รีบขึ้นรถหนีไป แต่ยังโชคดีที่ยึดใบขับขี่ไว้ได้ จึงได้เข้าแจ้งความที่สน.โคกคราม
หลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชายคนดังกล่าวได้ติดต่อกลับมาที่ผู้โพสต์แล้วเพื่อขอโทษ โดยอ้างว่าเพิ่งเปิดโทรศัพท์และยังไม่เห็นคลิปที่โพสต์ไป อีกทั้งยังจำเหตุการณ์ที่ตนเมาขับรถชนแล้วหนีไม่ได้ โดยได้บอกว่าต้องการนัดเจรจาเรื่องประกันและค่าเสียหาย ขณะที่ผู้โพสต์กล่าวว่าตนนั้นไม่พอใจที่ชายคนนี้เมาแล้วขับ แถมชนแล้วยังหนี อีกทั้งยังพูดจาและแสดงท่าทางไม่ดีกับตนอีกด้วย